เห็ดเข็มทอง (Enokitake) หรือเห็ดเหมันต์ เนื่องจากออกดอกในช่วงฤดูหนาว พบขึ้นได้ทั่วไปในเขตอากาศหนาว มีลักษณะหมวกเห็ดกลมเล็ก มีก้านเรียวยาว สีขาว เกิดเป็นกลุ่ม เป็นแพ

เห็ดเข็มทอง อุดมไปด้วยสารไคโตซานเห็ด (ไคโทกลูแคน) ที่มากที่สุดในหมู่เห็ด มีแคลเลอรี่ต่ำ กากใยอาหารสูง เห็ดเข็มทองช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ฟอกเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย และสรรพคุณที่สาวจะต้องชอบ คือ ช่วยลดพุง ลดความอ้วน ได้คะ เพราะสารไคโทซานเห็ด ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีเพื่อย่อยเส้นใยของเห็ดเข็มทอง เมื่อไคโทซานเห็ดละลายเข้าสู่กระแสเลือด มันจะช่วยดักจับไขมันส่วนเกินที่มีอยู่ในเลือด แล้วขับออกมาพร้อมอุจจาระ
จากการทดลองรับประทานเห็ดเข็มทองสด 100 กรัมต่อวัน ทำให้น้ำหนักตัวลดลง คอลเรสเตอรอลก็ลดลง รวมถึงความดันโลหิตก็ลดลงเช่นกัน หากรับประทานติดต่อกัน 3 เดือน จะสังเกตได้เลยคะว่าเอวของคุณจะลดลง และถ้าทานติดต่อกันนาน 6-12 เดือน น้ำหนักตัวจะลดลงเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งน้ำหนักก็จะคงที่
การทำน้ำแข็งเห็ดเป็นการคิดค้นจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารจากเห็ดเข็มทองได้ดีมากขึ้นด้วย ในแต่ละขั้นตอนการทำน้ำแข็งเห็ดนั้น จะมีประโยชน์ต่อการดึงคุณค่าในเห็ดเข็มทองออกมาในทุกๆขั้นตอนเลยคะ เริ่มจากการน้ำเห็ดเข็มทองไปปั่น เป็นการทำลายผนังเซลล์ของเห็ดให้แยกออกเป็นชิ้นเล็กๆ และทำให้สารไคโตซานออกมากเมื่อปั่นกับน้ำ และเมื่อนำไปเคี่ยวโดยความร้อนสารชนิดนี้ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ไม่ต้องกังวลนะคะว่าความร้อนจะทำลายสารอาหารในเห็ด เห็ดเข็มทองอึดคะ ทนความร้อนได้ดี และเมื่อเราน้ำเห็ดปั่นไปแช่เย็น เซลล์ของเห็ดจะพองตัวและแตกออกจนหมด เมื่อครบกระบวนการเราก็จะได้สารอาหารจะเห็ดเข็มทองจนครบถ้วน
จากการวิจัยพบว่า การทานน้ำแข็งเห็ดเข็มทอง อย่างน้อยวันละ 3 ก้อน จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้คะ เราสามารถนำน้ำแข็งเห็ดไปใส่ในน้ำซุป ใส่ในผัดผัก ใส่ในเครื่องดื่ม อย่างชาร้อน ชาเย็น จะใส่ในอาหารอะไรก็ได้คะ ตามใจชอบเลย ใส่อะไรก็อร่อย เพราะในเห็ดมีกรดกลูตามิก ที่ให้รสอูนามิ ทำให้อาหารอร่อยขึ้น ทำหน้าที่คล้ายผงชูรสดีๆนี่เอง
ถึงแม้ว่าเห็ดเข็มทองจะมีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนัก แต่ก็จะให้ทานวันนี้แล้วน้ำหนักลดเลยก็คงไม่ได้นะ และน้ำหนักที่ลดลงก็จะแตกต่างกันไปแต่ละบุคคลเพราะมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีก เช่น ปริมาณของอาหารที่ทานในแต่ละมื้อ วิธีการทำอาหาร เช่น คนที่ทานอาหารแบบผัดกับแบบนึ่ง น้ำหนักก็จะลดลงต่างกัน รวมถึงการปรุงรสชาติอาหาร บางก็ชอบทานหวาน ใส่น้ำตาลเยอะก็มีผลต่อการลดน้ำหนัก เป็นต้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมออกกำลังควบคู่กับการทานเห็ดเข็มทองด้วยนะคะ ร่างกายจะได้ฟิตแอนด์เฟิร์ม หุ่นสวยเป๊ะ

ข้อมูลนำมาจาก คลินิกสมุนไพร
1. เตรียมเห็ดเข็มทอง 300 กรัม (ต่อน้ำ 400 มล. / ได้น้ำแข็ง 1 ถาด 12 ก้อน)

3. หั่นแบ่งเป็น 4 ส่วนตามภาพ

4. นำใส่เครื่องปั่น เติมน้ำ 400 มล. (เห็ด 300 กรัม ต่อ น้ำ 400 มล.)

5. ปั่นประมาณ 20-30 วินาที จนเนื้อเนียนเข้ากัน

6. เทลงหม้อ ตั้งไฟอ่อน เคี่ยว 1 ชม. (พื้นเทฟล่อนก็จะดี เพราะจะไม่ติดก้นหม้อง่าย)

7. หลังเคี่ยว 1 ชม เนื้อจะข้นและสีเข้มขึ้น พักให้เย็นลง

8. เทใส่แม่พิมน้ำแข็ง เมื่อแข็งแล้วให้แกะใส่ถุง Zip หยิบทานง่ายๆ

อ้างอิง Saidokinome.biz

ข้อมูลดีๆจาก http://www.caramelbanana.com/2015/06/07/eniki-ice/
อ้างอิง Saidokinome.biz

“น้ำแข็ง “ช่วยรักษาสิวอักเสบได้ดีเยี่ยมเลยล่ะค่ะ ช่วยลดรอยแดงบวมและการอักเสบของสิว นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดและกระชับรูขุมขน ก่อนจะนำมาประคบแนะนำให้ทำความสะอาดน้ำแข็งเสียก่อน แล้วนำไปห่อผ้าสะอาดไว้และค่อยประคบนะคะ
ข้อมูล นำมาจาก http://www.healthandtrend.com/
รูปภาพ ถ่ายโดย ICEmancool

อันตรายที่มากับ ‘น้ำแข็งบด’ ใครชอบกิน ต้องรู้!
เมืองไทย มีหน้าร้อนที่ยาวนานกว่าหน้าฝนและหน้าหนาว
คนไทยเราจึงชอบดื่มน้ำและเครื่องดื่มที่ผสมน้ำแข็งเพื่อดับกระหาย คลายร้อน ทั้งน้ำแข็งหลอด น้ำแข็งก้อน และน้ำแข็งบด ที่ร้านอาหารทุกร้านต้องมีไว้บริการลูกค้า
ทว่าอากาศที่ร้อนอบอ้าว นับเป็นสภาวะที่เชื้อก่อโรคหลายชนิดชื่นชอบ และเจริญเติบโตได้ดี เช่น เชื้อ อี.โคไล, สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส,ซาลโมเนลลา
เชื้อเหล่านี้ จะปนเปื้อนเข้าสู่น้ำแข็งได้ ทั้งในระหว่างการผลิตน้ำแข็งในโรงงานน้ำแข็ง ในขั้นตอนการเก็บรักษาขณะขนส่ง และระหว่างรอขาย
หากคนงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำแข็งไม่รักษาสุขลักษณะส่วนบุคคลให้ดีเพียงพอ เครื่องจักร อุปกรณ์การผลิต และภาชนะที่ใช้ในการผลิตและสัมผัสกับน้ำแข็งไม่สะอาด หรือหากสถานที่เก็บรักษาเพื่อรอขาย และร้านขายน้ำแข็ง ไม่รักษาสุขลักษณะและความสะอาดของบริเวณที่ใช้ผลิต หรือขายให้ดีเพียงพอ อาจทำให้เชื้อก่อโรคปนเปื้อนอยู่ในน้ำแข็งที่เราซื้อมาทานได้
โดยเฉพาะเชื้อ อี.โคไล ที่มีชื่อเต็มว่า เอสเชอริเชีย โคไล เป็นเชื้อที่พบทั่วไปในลำไส้คนและสัตว์เลือดอุ่น จึงมักตรวจพบในอุจจาระ เมื่อเราได้รับ อี.โคไล เข้าสู่ร่างกายจากอาหารและน้ำดื่มจะทำให้เกิดโรคท้องร่วง อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียนร่วมด้วย
วันนี้ สถาบันอาหาร ได้สุ่มเก็บตัวอย่างน้ำแข็งบดจากร้านขายน้ำแข็ง และโรงงานทำน้ำแข็ง จำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ย่านการค้าใน กทม.และ จ.สมุทรปราการ เพื่อนำมาวิเคราะห์เชื้อ อี. โคไล ปนเปื้อน

ผลวิเคราะห์พบว่ามีน้ำแข็งบด 3 ตัวอย่างที่ตรวจพบเชื้อ อี.โคไล ปนเปื้อน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 78 (พ.ศ. 2527) กำหนดให้น้ำแข็งต้องตรวจไม่พบเชื้อ อี. โคไล ปนเปื้อนเลย
เห็นอย่างนี้แล้ว ขอแนะว่าควรเลือกซื้อน้ำแข็ง จากร้านที่ใช้ถังน้ำแข็งที่สะอาด ไม่มีของอย่างอื่นแช่รวมอยู่ด้วย และไม่มีเศษผงหรือสิ่งแปลกปลอมปะปน
แต่หากทำน้ำแข็งทานเอง โดยนำน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกมาใส่ช่องทำน้ำแข็งในตู้เย็นที่บ้านได้ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการลดความเสี่ยงจากเชื้อก่อโรคที่ปนเปื้อนในน้ำแข็ง.
…………..
Cr: http://goo.gl/k775jR
ข้อมูลนำมาจาก http://www.oknation.net/blog/goirish2011/2016/02/27/entry-2 Posted by หมื่นแผ้ว ,

10. น้ำใบบัวบก

ขอบคุณรูปภาพจาก : http://www.termsuk.com/Article/Detail/
ใครช้ำในก็ควรจะต้องพึ่งน้ำใบบัวบก หลายคนอาจจะชอบคิดเอาไปใช้กับอาการผิดหวังในความรักเพื่อแก้อาการช้ำในของความรัก แต่จริงๆแล้วน้ำใบบัวบกนั้นช่วยในเรื่องของอาการช้ำในจิงๆ สมุนไพรฤทธิ์เย็นที่ว่านี้สามารถนำมาเป็นเครื่องดื่มได้และถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับสภาพอากาศอย่างบ้านเราอย่างมากอีกด้วยเพราะมีสรรพคุณสามารถดับร้อนในร่างกาย อีกทั้งสรรพคุณของน้ำใบบัวบกนั้นก็มีอยู่ค่อนข้างมาก อาทิ ช่วยบำรุงสายตาเพราะมีวิตามินเอในปริมาณที่สูง,ช่วยต้านอนุมูลอิสระและคืนความอ่อนเยาว์,ช่วยบำรุงประสาทและสมอง,ช่วยบำรุงหัวใจ ฯลฯ อีกมากมาย
9. น้ำหล่อฮั้งก้วย

หล่อฮั่งก้วย อยู่ในตระกูลเดียวกันกับพวกแตง และยังเป็นสมุนไพรพืชเมืองของประเทศจีน หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้รู้จักหล่อฮั้งก้วย แต่เดี๋ยวนี้ก็มีใครหลายคนสนใจที่จะดื่มน้ำหล่อฮั้งก้วยเช่นกัน รสชาติของมันนั้นก็จะคล้ายๆกับน้ำมะตูมนั่นเอง และนอกจากเราจะกินหล่อฮั้งก้วยเป็นยาแล้ว ยังนิยมนำมาต้มกับน้ำใช้เป็นเครื่องดื่ม เป็นยาเย็น ในฤดูร้อนใช้ลูกหล่อฮั้งก้วยต้มเป็นเครื่องดื่ม สามารถแก้ร้อน ดับกระหาย ทำให้ชุ่มคอ ด้วยเหตุนี้จึงนิยมใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม “จับเลี้ยง” ซึ่งเป็นยาเย็นที่นิยมอยู่และมีขายอยู่ทั่วไป
8. น้ำตะไคร้

แค่ชื่อนั้นหลายๆคนก็อาจจะไม่ชอบตะไคร้เสียแล้ว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจดูแค่ภายนอกของมันแต่รู้หรือไม่ว่าตะไคร้นั้นเมื่อได้นำมาทำเป็นน้ำก็รสชาติที่ดีทีเดียว เมื่อนำมาทำเป็นเครื่องดื่มก็จะช่วยแก้ดับกระหายและทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยแก้อาการจุกเสียด,ขับลม,แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ,ขับเหงื่อ,ขับปัสสาวะ,ขับสารพิษ,ช่วยให้เจริญอาหาร,ลดความดันโลหิต และสามารถนำมาประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำ,ยำปลากระป๋อง,ยำตระไคร้ และอีกหลากหลายเมนู
7. น้ำอัญชัน

อัญชันดอกไม้ที่มีสีสันที่สวยงามแต่ใครจะรู้ว่านอกจากความสวยงามของดอกอัญชันแล้ว ดอกอัญชันยังสามารที่จะนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อดับกระหาย เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้อีกด้วยดอกอัญชันจะสารตัวหนึ่งชื่อ สารแอนโทไซยานิน (เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสรรพคุณของน้ำดอกอัญชันนั้นก็มีอยู่มากมาย อาทิ ช่วยต้านอนมูลอิสระ,ช่วยดับกระหาย,ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย,บำรุงหัวใจและสายตาอีกด้วย
6. น้ำใบเตย

ขอบคุณรูปภาพจาก : wongnai.com
ขึ้นชื่อว่าใบเตยนั้นก็รู้สึกถึงความหอมชื่นใจแล้ว และน้ำใบเตยนั้นก็ยังมีสรรพคุณหลักที่ช่วยดับกระหายและบำรุงหัวใจนั่นเอง นอกจากที่จะนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มได้แล้ว ใบเตยยังถูกนำมาปรุงอาหารทั้งคาวและหวานได้อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้เป็นสีผสมอาหารอย่างเช่น ขนมไทย ฯลฯ เป็นต้น
5. น้ำมะตูม

ขอบคุณรูปภาพจาก : blogspot.com
น้ำมะตูมเป็นเครื่องดื่มประจำครอบครัวของคนไทยมาตั้งแต่ยุคโบราณกาล น้ำมะตูมนั้นมีรสชาติที่ไม่หวานมากเกินไปและยังเป็นเครื่องดื่มที่หากินได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณทางยา และมีคุณประโยชน์ทางอาหารมากมายเช่น ใช้เป็นยาเจริญอาหาร ขับลมในท้อง ผลแก่แก้เสมหะ ช่วยย่อยอาหาร และยังสามารถเอาผลสุกมาชงดื่มเป็นยาแก้ร้อนใน ได้อีกด้วย
4. น้ำกระเจี๊ยบ

ขอบคุณรูปภาพจาก : npzmoon.com
น้ำกระเจี๊ยบ น้ำที่มีลักษณะที่เป็นสีแดงน่าดึงดูดน่ารับประทาน ด้วยรสชาติที่มีรสเปรี้ยว แต่ก็สามารถที่จะปรุงรสให้มีให้มีความหวานได้ตามใจคนดื่มได้ และเมื่อได้ดื่มตอนที่เย็นๆ ก็จะรู้สึกสดชื่น และด้วยในตัวน้ำกระเจี๊ยบนั้นมีสรรพคุณที่ช่วยในการ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้
3. น้ำลำไย

ขอบคุณรูปภาพจาก : wongnai.com
ถึงแม้ว่าลำไยอาจจะเป็นผลไม้ที่หลายๆคนคิดว่ากินมากนั้นจะไม่ดีต่อร่างกายแต่ใครจะรู้บ้างมั้ยว่าน้ำลำไยนั้นมีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว นอกจากจะมีรสชาติที่หวานกลมกล่อม กินพร้อมเนื้อลำไยแล้ว ทำให้รู้สึกได้ถึงสดชื่นเมื่อได้ดื่มเข้าไป และน้ำลำไยยังมีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมีปัญหา และยังบำรุงหัวใจ บำรุงม้าม ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลายอีกด้วย
2. น้ำเฉาก๊วย

ขอบคุณรูปภาพจาก : kaiyangthai.com
เฉาก๊วย เป็นพืชล้มลุกประเภท คลุมดิน ต้นเล็ก ลักษณะคล้ายต้นสะระแหน่ ถึงแม้ลักษณะของน้ำเฉาก๊วยนั้นมีสีเป็นสีดำแต่รสชาติของมันนั้นช่างอร่อยเหลือเกิน และเวลาที่ได้กินเข้าไปนั้นเราก็จะได้เคี้ยวเจ้าเฉาก๊วย แบบหนึบหนับๆ ทำให้รู้สึกสนุกในการกินน้ำเฉาก๊วยเพิ่มขึ้น และน้ำเฉาก๊วยยังช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับเสมหะ และถ้าหากดื่มเป็นประจำจะช่วยลด อาการโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ได้อีกด้วย
1. น้ำเก๊กฮวย

ขอบคุณรูปภาพจาก : wongnai.com
“เก๊กฮวยถ้วยใหญ่ๆ แช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น” หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดคำนี้มาบางแล้ว และก็ไม่แปลกเลยที่น้ำเก๊กฮวยจะมาแรงจนมาเป็นอันดับที่หนึ่ง เพราะด้วยรสชาติที่ถูกปากใครหลายคนแล้วเวลาที่เราได้ดื่มน้ำเก๊กฮวยเย็นๆสักแก้วเข้าไป เราก็จะรู้สึกสดชื่น อย่างบอกไม่ถูก และน้ำเก๊กฮวยยังมีสรรพคุณที่ช่วยแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และสรรพคุณอื่นๆอีกมากมาย เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น จะช่วยขับพิษร้อนจากตับออกมาได้
**หมายเหตุ
ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชน ทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.toptenthailand.com จะทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป
ทาง ICEman นำมาเผยแพร่ เพื่อเป็นประโยชน์บทความนี้ นำมาจาก www.toptenthailand.com

เหตุใดน้ำแข็ง จึงลอยอยู่บนน้ำได้
เพราะน้ำแข็งมีความหนาแน่นน้อยกว่า น้ำที่มีน้ำหนักเบากว่าน้ำ จึงสามารถลอยอยู่บนน้ำได้ การเปรียบเทียบน้ำหนักของน้ำและน้ำแข็งจะต้องเปรียบเทียบในจำนวนปริมาตรที่ เท่ากัน น้ำหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรมีน้ำหนักหนึ่งกรัมแต่น้ำแข็งหนึ่งลูกบาศก์ เซนติเมตรจะหนักเพียง 0.9 กรัม แสดงว่าน้ำแข็งเบากว่าน้ำ ดั้งนั้นน้ำแข็งจึงสามารถลอยอยู่บนน้ำได้
น้ำ มีสมบัติเฉพาะตัว เมื่อน้ำมีอุณหภูมิที่ 4 องศาเซลเซียสน้ำจะขยายตัว น้ำเมื่อแข็งตัวจะมีปริมาตรเพิ่มขึ้นกว่าเดิมประมาณ 10 เปอร์เซนต์ ถ้านักเรียนใส่น้ำใน ลูกโป่งและนำไปแช่แข็งน้ำแข็งจะมีมวลเท่าเดิมแต่ปริมาตรเพิ่มขึ้น การที่สสารมีมวลเท่าเดิมแต่ขนาดเพิ่มขึ้นแสดงว่าสสารนั้นมีความหนาแน่นลดลง ดังนั้นเมื่อใส่น้ำแข็งในน้ำ น้ำแข็งจึงลอย เพราะน้ำแข็งมีความ หนาแน่นน้อยกว่าน้ำผลบางประการที่เกิดจากสมบัติข้อนี้ของน้ำ
ตัวอย่างเช่น ถ้าใส่น้ำในขวดแก้วจนเต็มปรี่แล้วปิดจุกจนแน่น นำไปแช่เย็นจนน้ำเปลี่ยนเป็น น้ำแข็ง ขวดที่ใส่จะแตก ทั้งนี้เพราะน้ำขยายตัวเมื่อเป็นน้ำแข็ง อีกประการหนึ่งก็คือ ถ้าเมื่อน้ำ เปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็งแต่ไม่ขยายตัว (เพิ่มปริมาตร) น้ำแข็งอาจจับตัวอยู่ก้นทะเล หรือมหาสมุทร ไม่แข็งอยู่เฉพาะผิวหน้า ถ้าเป็นเช่นนั้นในฤดูหนาวน้ำในทะเลสาปใน ประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกจะเป็นน้ำแข็งไปหมดพอถึงฤดูร้อน น้ำแข็งหลอมเหลวไม่หมด ก็จะทำให้ระบบนิเวศของโลกเปลี่ยนไปด้วย
ข้อมูลนำมาจาก http://www.kroobannok.com/article-17658-เหตุใดน้ำแข็ง-จึงลอยอยู่บนน้ำได้.html

ภาพประกอบ โดย ICEmanเครื่องทำน้ำแข็ง

เอกสารบันทึก ราว พ.ศ.2400 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
มีเรือกลไฟชื่อ “เจ้าพระยา” เดินเมล์รับส่งสินค้าระหว่างสิงคโปร์กับกรุงเทพฯ ใช้เวลา 15 วัน ในบรรดาสินค้าจากสิงคโปร์ยามนั้นมีของแปลกอย่างหนึ่ง คือ “น้ำแข็ง” บรรจุหีบกลบด้วยขี้เลื่อยส่งเข้ามาถวาย จากนั้นก็แพร่หลายในหมู่เจ้านาย และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

โดยผู้ที่สั่งน้ำแข็งเข้าเมืองไทยยุคนั้น คือ พระยาพิสนธ์สมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม พิศลยบุตร) ครั้งยังมีบรรดาศักดิ์เป็น พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ เจ้าของเรือเจ้าพระยานำเข้าน้ำแข็งเช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ สินค้าหรูหราจากยุโรป
พ.ศ.2411 มีสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอ รัชกาลที่ 4 ทรงเชิญนักปราชญ์จากยุโรป พร้อม เซอร์แฮรี่อ็อต ผู้ว่าการเมืองสิงคโปร์ เป็นพระราชอาคันตุกะมาดูสุริยุปราคา โดยจัดการที่พัก อาหารการกิน ตามแบบอย่างอารยประเทศสมบูรณ์แบบทุกประการ เป็นการแสดงให้เห็นว่าสยามไม่ได้เป็นเมืองป่าเถื่อนอย่างที่ฝรั่งเข้าใจกัน การรับรองครั้งนั้น น้ำแข็ง มีส่วนเสริมสร้างการดื่มของพระราชอาคันตุกะอย่างสำคัญ ถึงกับเซอร์แฮรี่อ็อต บันทึกความประทับใจไว้

ความว่า “พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้จัดอาหารเลี้ยงแขกเมือง นำเอาพ่อครัวฝรั่งเศสเข้ามาให้รู้จักพร้อมด้วยชาวอิตาลีหนึ่งคน และลูกมือชาวเมืองอีกหลายคน จัดการเลี้ยงดูอย่างฟุ่มเฟือยบริบูรณ์ ของอร่อยที่หาไม่ได้ในแถบนี้ก็จัดหามาจากสิงคโปร์ การทำกับข้าวก็ทำอย่างประณีต มีทั้งเหล้าและไวน์ต่างๆ น้ำแข็งก็บริบูรณ์ อาจจะกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องการอีก”

ต่อมา พ.ศ.2448 รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาภักดีนรเศรษฐ (เลิศ เศรษฐบุตร) ดำเนินธุรกิจเรือเมล์รุ่งเรืองเช่นเดียวกับกิจการโรงน้ำแข็งซึ่งเป็นโรงน้ำแข็งแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งขึ้นที่สะพานเหล็กล่าง ถนนเจริญกรุง ชื่อว่า “น้ำแข็งสยาม” แต่กลับเป็นที่รู้จักกว้างขวางในชื่อ โรงน้ำแข็งนายเลิศ นับแต่นั้นน้ำแข็งก็แพร่ขยายไปสู่หัวเมืองใหญ่ๆ รอบนอกกรุงเทพฯ
คนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น ไม่เชื่อว่าจะทำน้ำแข็งได้จริง ถึงกับออกปากว่า “จะปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างไร”
ข้อมูลนำมาจาก
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ
รูปภาพประกอบ จาก เครื่องทำน้ำแข็งICEman

ควรให้เด็กเล็กกินน้ำแข็งหรือไม่

ถึงแม้มันจะเป็นการยากที่จะห้ามใจไม่เอาน้ำแข็งให้ลูกอม เคี้ยวแก้อาการคันเหงือก หรือแก้ดับกระหายคลายร้อนในวันที่แสนจะอบอ้าว แต่ความเป็นจริงแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กของอเมริกาแนะนำว่า ไม่ควรให้เด็กกินน้ำแข็งจนกว่าจะอายุ 4 ปี

เหตุผลหลักก็คือน้ำแข็งอาจเป็นอันตราย เข้าไปติดคอทำให้สำลักได้ เนื่องจากน้ำแข็งมีลักษณะลื่นและมีขนาดพอดิบพอดีที่จะเข้าไปติดอยู่ในคอของเด็ก ๆ นอกจากนี้น้ำแข็งยังมีเหลี่ยมที่แหลมคม อาจเข้าไปบาดปากหรือลำคอของเด็กเล็ก ทำให้เกิดแผลได้ ยิ่งถ้าเข้าไปบาดติดอยู่ในลิ้น ในกระพุ้งแก้ม ก็ยิ่งยากที่จะเอาออก ทำให้เกิดแผลและตามมาด้วยความหงุดหงิดไม่สบายใจไม่สบายปากของเด็ก ๆ (น้ำแข็งอาจจะไม่ได้ละลายเร็วเหมือนที่คนทั่วไปคิด)
และที่สุดแล้วหากลูกติดนิสัยเคี้ยวน้ำแข็งเป็นประจำ ก็จะเป็นการทำร้ายฟันซี่น้อย ๆ ด้วย ทำให้เหงือกร่นและทำให้เสียวฟันด้วย ซึ่งเป็นผลกระทบในระยะยาวเมื่อโตขึ้นเลยทีเดียว

ทางที่ดีถ้าลูกรบเร้าขอน้ำแข็งใส่ในเครื่องดื่ม แล้วจำเป็นต้องให้จริง ๆ ลองให้คุณพ่อคุณแม่เลือกให้น้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ หรือที่เป็นเกล็ดน้ำแข็ง  เนื่องจากน้ำแข็งมีขนาดเล็ก ทำให้มีโอกาสติดคอได้น้อยลง และยังละลายเร็วอีกด้วย

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากใช้น้ำแข็งแก้อาการคันเหงือกของลูกน้อยล่ะก็ แนะนำว่าหายางกัดที่ปลอดสารพิษ หรือผลไม้หั่นพอดีคำแช่ในตู้เย็นช่องฟรีสให้เย็นชื่นใจมาให้ลูกกัดดีกว่าค่ะ

ข้อมูลนำมาจาก http://th.theasianparent.com